ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลาย ย่อมหลั่งไหลไปสู่ธรรมทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายย่อมยังธรรมทั้งหลายให้บริบูรณ์ เพื่อจากเตภูมิกวัฏอันมิใช่ฝั่งไปถึงฝั่ง คือ นิพพานด้วยประการดังนี้แล ฯ
เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติภายใต้ความแปรปรวนไปสู่การจบสิ้นสภาพ. - ขอจง มีลมหายใจแม้แผ่วเบา ได้สุดขั้ว กันเถิด.
ศึล - อินทรี - อาหาร - ชำระจิตให้ตื่นอยู่เสมอ
อำพล จงสิทธิผล
Ampol Chongsitthiphol
เสียสละ ... อดทน ... รับวิบากผู้อื่นไว้บ้าง ... ... แต่มันเหนื่อยนะ เหนื่อยสุดสุดเลยมึง
คำสั่งสอนจาก... พระอาจารย์ใหญ่
เมื่อเข้าสู่ ความนิ่งอันประเสริฐ แล้ว อินทรีย์สงบ จิตระงับ (การสลัดคืน จะเกิดตามมา) จะมีสภาพ ลำดับนี้
  • วิสุทธิ คือ สภาพใจสะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ผุดผ่อง บรรเจิด ภายใน (และมีอนิสงค์ ต่อกายภายนอกในภายหลัง)
  • วิมุตติ คือ สภาพใจเป็นอิสระจาก สภาพแวดล้อมที่เจือด้วยภพ (ส่วนผสมโมหะ โทสะ โลภะ)

    มีนิพพาน เป็นที่สุด หรือ ปลายทางแห่งทุกข์ เส้นทางจิตจบลงแค่นี้ ด้วย ญานทัสสนะอันหมดจดเกลี้ยงเกลา

  • นิพพาน การอยู่ในสภาพไม่มีการก่อเกิด
    ( อันมาจาก ไม่คิดต่อ ปรุงแต่งต่อ เพราะตัวทำให้คิดต่อปรุงแต่งต่อคือ ตัวโมหะ โทสะ โลภะ)

กัลญานมิตรที่ดี ... ควรเป็นผู้มีวาจาไพเราะ เป็นที่ปรึกษาที่ดี และ เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำ
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา๕ วิโมกข์๘ และ อภิญญา๖ พึงทำให้แจ้งชัด
ถ่ายทอดสด
โหลดธรรม mp3

เทศน์ก่อนฉันวันเสาร์ที่ 11 เม.ย.2558 : http://ampolc.ucoz.com/index/0-13 วิดีโอ

บันทึกธรรมhttp://media.watnapahpong.org/videos

ถ่ายทอดสดhttp://www.watnapp.com/

ไกรวัลย์-นิพพาน pish9: สภาวะโลกุตตระตอนได้ครั้งแรกมันจะตราตรึงอยู่ในตัวเรานานเหมือนกันนะคะ


oodoo7: ครับ นานเลย
oodoo7: ออกมา แล้ว ก็ไม่จางหาย
oodoo7: คงที่ อยู่ อย่างงั้น แหละ
pish9: แต่นานไปมันก็หายค่ะ
pish9: แล้วก็จะทำให้เกิดขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆ
oodoo7: มันสำคัญ ที่ต้อง ฝังลงในจิตใต้สำนึกให้ได้
pish9: ท่านจึงให้เรานึกถึงสัญญาเก่าที่เป็นโลกุตตระ เช่น อนิจสัญญา อนัตสัญญา ฯลฯ
pish9: หาในพระไตรไม่เจอเหมือนกัน เห็นแต่ในนี้ https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=304490499665360&id=250783078369436
oodoo7: อยู่ใน วรรคที่รวบรวม ธรรม 1ข้อ ธรรม2ข้อ ... 10 ข้อ อะไรนี่แหละ
oodoo7: หยั่งลงสู่อมตธรรม มีอมตธรรมเป็นที่สุด
oodoo7: อมตธรรม ก็ คือ โลกุตตระ นั่นเอง
pish9: ค่ะ เพราะเมื่อเกิดโลกุตตระที่จิตแล้วในปัจจุบัน หลังจากนั้นขันธ์๕เราก็จะรับรู้ แล้วมันก็จะกลายเป็นอดีต เป็นสัญญาไปค่ะ
pish9: มันจึงมีเวลาที่ความรู้สึกนั้นจะเลือนหายไปได้ เราจึงต้องเจริญสัญญาเหล่านี้เสมอ
pish9: เพื่อให้มันเห็นไตรลักษณ์เด่นชัดอยู่ในความรู้สึกเสมอ จริงๆจิตเราก็รู้แล้วแต่เราทำเพื่อให้มันเกิดปัจจุบัน
pish9: ใช่เพราะขันธ์๕มันไม่เที่ยง มันเสื่อมได้
pish9: ลืมได้

-----------------------
pish9: จริงๆพีชคิดว่าลมหายใจมันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสมาธิกับสติแล้วแต่พี่ไม่เคยเห็นมัน
pish9: แต่นิมิตและปิติมันหยาบกว่าจึงเห็นมันง่ายกว่า
pish9: เวลาพี่ขับรถแล้วมีเหตุนั่นแหละพี่จะเห็นสติเห็นสมาธิเห็นลมหายใจที่มันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
pish9: แต่ของพีช พีชเห็นจากความอกหัก พีชเสียใจว่า กว่าจะคบใครจนรู้ใจและเขาเป็นคนดีแบบนี้มันคงหายากและเหนื่อยกว่าจะคบกันจนรู้ใจ(พึ่งรู้ว่าเขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว)
pish9: จิตพีชมันแยกออกไปแล้วเห็นลมหายใจที่มันเหนื่อยกลับเข้าไปรวมกับจิต แล้วบอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร จะเริ่มใหม่กี่ครั้งก็ช่างมัน
pish9: จิตมันแยก แล้วมันเห็นลมหายใจมันแยกออกจากสมาธิ แยกออกจากจิต แล้วมันก็กลับเข้าไปรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
pish9: ตรงนี้แหละทำให้พีชเข้าใจ ว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงให้รู้ลมหายใจ ให้อยู่กับอานาปานสติ
pish9: การรู้ลมหายใจ จนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจิตแล้ว มันจะทำให้จิตตั้งมั่น มีสติเร็วพร้อมกับจิต มันจะทำให้เรา เห็นการเปลี่ยนแปลงของขันธ์๕ จะทำให้เรารู้ว่าขันธ์๕ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา
pish9: บางคนอาจจะเห็นเป็นนิมิต แล้วทำให้สลดสังเวช แล้วปล่อยวาง เกิดนิพิทา เห็นธรรม แบบนี้ก็มี

--------------------------------------------
oodoo7: ตอนตีห้า ตื่นมา ลงมา ดื่มน้ำข้างล่าง เดินๆ อยู่ เห็น นรกสวรรค์ ภายในตัว
oodoo7: มีความคิดว่า นรก สวรรค์ ข้างนอก ยังไม่ต้องไปหาดูหรอก หาดูนรกสวรรค์ในตัวเองให้เจอก่อน เท่านั้นแหละ เกิด ญานขึ้นมาทันทีเลย เห็น นรกสรรค์ ที่อยู่ในตัว คือ บาปบุญ นั่นเอง
oodoo7: มันขึ้น อยู่กับตัวเราเองทั้งนั้น
pish9: ใช่มันเกิดจากการกระทำของเราทั้งนั้น เกิดจาก กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เราเป็นคนสร้างเองทั้งนั้น เราคือพระเจ้า พระเจ้าสร้างโลก
pish9: พวกเราคือพระเจ้า ต่างคนต่างสร้างโลกด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม จึงเกิดเป็นโลกต่างๆขึ้น
pish9: เข้าใจคำว่าเราคือพระเจ้าหรือเปล่าคะ ก็คือ สัตว์โลกทุกตัวมีนิพพานอยู่ในตัวเอง นิพพานคือพุทธะ พุทธะก็คือพระเจ้า ทุกคนมีสภาวะเดียวกันหมด แต่ตอนที่ยังไม่นิพพานสัตว์ถูกอวิชชาห่อหุ้มไว้จึงไม่เห็นสภาวะนิพพาน ทุกคนมีสภาวะนิพพานอยู่ทุกคน
oodoo7: สภาพ ปราศจาก การยึดถือ บุญ บาป มีแต่เพียง ความบริสุทธิ์
ความบริสุทธิ คือ การไม่เหลืออะไรภายใน

อทุกฺขมสุขํ
อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ
จตุตฺถํ ฌานํ
อุปสมฺปชฺช วิหาสึ ฯ
สัจธรรมแห่งชีวิต

ทำนายชื่อสกุล



รายการน่าสนใจ
ค้นหาคำในพระไตรปิฏก
จิตบรรลุนิพพาน
(สมเด็จพระญาณสังวร)

wunjun - ood
ibuddha - wix
บาลีเทียบเคียง
จิตวิทยา
ญานสังวรธรรม
แปลบาลี
ญาน กถา

sitePage28 = ธรรมจากพีช


    •ข่มไว้ ด้วยฌาน4
    •ด้วยการชำแรก ซึ่งวัฏฏสงสาร
    •ด้วยการตัดขาดภายใน โดยโลกุตตะระมรรค
    •ด้วยสำราญความสงบ ปฏิปัดสัทธิ
    •ด้วยการสลัดออก ดับหัวใจลมหายใจ
    ไม่ประมาท กับปัจจุบัน
    ไม่ประมาท ซึ่งความตาย วินาทีนั้น
    ดำรงความจางคลาย กับปัจจุบัน

    มีแรงบันดาลใจแรงกล้า
    จึงเกิด มุมานะ--ตั้งใจมั่น --> รวมจิตได้

    หาลึกเข้าไปในจิต ซึ่งภาระที่ไม่ยอมวาง
    เมื่อวางลงเสียได้เมื่อไหร่ อิสระทันที

    การทำสมาธิแบ่งเป็น 2 ด้าน

  1. ทางกาย
    คือ กาย+เวทนา
    โดยทำให้ ลมหายใจแผ่วเบา และ หัวใจเต้นเรียบ เป็นการบำรุงร่างกาย และจิตใจไปในตัว และให้มีท้องพล่อง งดอาหารหลังเที่ยง นั่งนิ่งจนมีสภาพถูกล็อคแข็งแกร่งแต่ไม่เกร็ง มีความมั่นคง

  2. ทางใจ
    คือ จิตตา+ธรรมมา
    วิธีจะเข้าถึงโดยการ ตัดกายทิ้ง???
    คือการพยายามระลึกถึงปิติทั่วร่างกาย แล้วเข้าสู่อารมภ์ใดอารมภ์เดียวแห่งปฏิุภาคนิมิต

    การเข้าสู่นิพพาน
    ด้วยการตัดลูกโซ่แห่งการก่อเกิดที่ ตัณหา อุปาทาน ไม่ให้เชื่อมเกิด ภพ ได้ คือ หยุดคิด หลังจากค้นพบแล้วว่า การก่อเกิดทุกชนิดเป็นทุกข์เปล่าประโยชน์

สุขเพราะความสงัด,
สุขเพราะไม่เบียดเบียน,
สุขเพราะปราศจากราคะ ก้าวล่วงกามเสียได้,
สุดอย่างยอด คือการนำความถือตัวออกเสียได้.

พระไตรปิฏก4.ปฐมภาณวาร

อุปทานมีอยู่ แต่ไม่ถือตาม
ถือตามมีอยู่ แต่มีสติไม่ถือ

เพราะวิราคะ อวิชชาจึงดับ
--ปราศจาก โมหะ โทสะ โลภะ--
-คลายจาก ความอยากกระหายอันกดดัน-
เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ
--จึงหยุดคิด ไม่คิด--
เพราะสังขารดับ วิญญานจึงดับ
--ไม่ก่อเกิด กายใจสงบ--
เพราะวิญญานดับ นามรูปจึงดับ
--หัวใจจึงราบเรียบเสมอดับ--
เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ
--หัวใจไม่กระเทือน--
เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ
--หยุดการกระตุ้นอวัยวะ--
เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ
--ไม่ถูกกระตุ้น ไม่รู้สึก--
เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ
เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ
เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ

เพราะเป็นปัจจัยจึงมี เพราะปัจจัยดับจึงดับ

๑. มีสิ่งหวงแหน (เช่น สตรี ) หรือไม่
๒. มีจิตผูกเวรหรือไม่
๓. มีจิตเบียดเบียนหรือไม่
๔. มีจิตเศร้าหมอง ( ด้วยกิเลส ) หรือไม่
๕. ทำจิตเป็นให้ไปในอำนาจได้หรือไม่

    เครื่องเกาะจิตอันเศร้าหมอง
  1. วิจิกิจฉา
  2. อะมะนะสิการ
  3. ถีนะมิทธะ
  4. ความหวาดเสียว
  5. ความตื่นเต้น
  6. ความชั่วหยาบ
  7. ความเพียรที่มุ่งมั่นเกินไป
  8. ความเพียรที่ย่อหย่อนเกินไป
  9. ตัณหาที่คอยกระซิบกระตุ้น
  10. ความสำคัญสภาวะต่างกัน
  11. ลักษณะที่เพ่งเล็งรูปเกินไป

     

    withhold
    ระงับ, ยั้ง, ดอง, ไม่ยอมให้, ยั้งมือ

    settle
    ชำระ, ระงับ, ตกลง, กำหนด, ยุบ, เข้าที่

    quell
    ระงับ, ปราบ, ทำให้สงบ, ดับไฟ, ระงับอารมณ์ stay
    คอย, พักอยู่, หยุดอยู่, อาศัยอยู่, ยืนหยัด, ระงับ

    deaden
    ระงับ, ทำให้ชา, ทำให้มึน, ทำให้ไม่รู้สึก, ทำให้หย่อนลง

    forbear
    อดทน, หักห้าม, อดกลั้น, ละเว้น, ระงับ, ข่มใจ refrain
    ละเว้น, งด, ระงับ, ว่างเว้น, กลั้น, ข่มจิต

    mortify
    ระงับ, ฉีกหน้า, ทรมานร่างกาย, ทำให้บัดสี, ทำให้เสียใจ

    propitiate
    เอาใจ, ระงับ, ประจบประแจง, ป้อยอ, ปลอบ, บรรเทา

    abate
    บรรเทา, รา, ระงับ, รำงับ, ค่อยยังชั่ว, เบาบาง

    allay
    บรรเทา, ระงับ, ทำให้สงบ, ทำให้น้อยลง, คลายกังวล

    alleviate
    บรรเทา, ระงับ, แบ่งเบา, ทำให้น้อยลง, คลายใจ, ค่อยยังชั่ว

    assuage
    ระงับ, ทำให้บรรเทา, ทำให้ผ่อนคลาย, ค่อยยังชั่ว, น่าพึงพอใจ

    calm
    ใจเย็น, ระงับ, เงียบสงบ, ไม่ตื่นเต้น, ไม่มีลม, หงิมๆ